เนื่องจากความต้องการใช้ไขมันสัตว์ในเชื้อเพลิงขนส่งเพิ่มขึ้น อุตสาหกรรมอื่นๆ อาจถูกบังคับให้ใช้น้ำมันปาล์มมากขึ้น ซึ่งท้ายที่สุดจะส่งผลเลวร้ายต่อสิ่งแวดล้อม ผู้เชี่ยวชาญกังวล

งานวิจัยใหม่เตือนว่าไขมันจากหมูและวัวที่ตายแล้วถูกนำมาใช้มากขึ้นในการขับเคลื่อนเครื่องบินและรถยนต์เพื่อเป็นทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าเชื้อเพลิงเครื่องบินแบบดั้งเดิม

การใช้ไขมันสัตว์ในไบโอดีเซลเพิ่มขึ้นสี่สิบเท่าตั้งแต่ปี 2549 และความต้องการจะเพิ่มขึ้นเป็นสามเท่าภายในปี 2573 เมื่อเทียบกับปี 2564 จากการศึกษาของผู้รณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อม Transport and Environment (T&E)

แต่มีไขมันสัตว์เหลือใช้ไม่เพียงพอที่จะขยายขนาดได้อย่างยั่งยืน

ไขมันสัตว์ทั้งหมดที่มีอยู่แล้ว – มักจะมาจากส่วนต่างๆ ของร่างกายสัตว์ที่ไม่ต้องการในโรงฆ่าสัตว์ – ถูกนำมาใช้แล้วในสิ่งต่างๆ เช่น เทียนไข เครื่องสำอาง และอาหารสัตว์เลี้ยง

เที่ยวบินข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกระหว่างปารีสและนิวยอร์กต้องการไขมันจากหมูตาย 8,800 ตัวต่อเที่ยว ตามการคำนวณของ T&E

อย่างไรก็ตาม ไขมันสัตว์เป็นเพียงส่วนประกอบหนึ่งของเชื้อเพลิงที่ยั่งยืน เช่นเดียวกับไขมันพืชและพืชเหลือทิ้ง และเชื้อเพลิงที่ยั่งยืนก็ยังถูกบดบังด้วยน้ำมันก๊าด

แต่ตัวเลขดังกล่าว “แสดงให้เห็นถึงขนาดของปัญหา” Matt Finch จาก T&E กล่าวกับ Sky News “

มีเที่ยวบินข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกหลายร้อยเที่ยวทุกวัน ไขมันสัตว์จะถูกดูดเข้าไปในการบิน นั่นเป็นเรื่องแน่นอน

• บริษัทสหรัฐฯ ‘มีแง่ลบ’ มากขึ้นเกี่ยวกับการทำธุรกิจในจีน
• ซีอีโอของโพสโค อินเตอร์เนชั่นแนล เยี่ยมชมอุซเบกิสถานเพื่อตรวจสอบซัพพลายเชนทั่วโลก

“แต่สัตว์ที่ตายแล้วจะไม่เติบโตบนต้นไม้ ดังนั้นหากจู่ๆ การบินต้องการใช้ไขมันสัตว์จำนวนมากเป็นเชื้อเพลิง ภาคส่วนอื่นก็ไม่สามารถนำมาใช้ได้”

ภาคส่วนดังกล่าวน่าจะหันมาใช้น้ำมันปาล์มแทนซึ่งมีราคาถูกและมีคุณสมบัติใกล้เคียงกัน

แต่น้ำมันปาล์มที่ผลิตได้ทั้งหมดก็ถูกนำไปใช้แล้วเช่นกัน ดังนั้นความต้องการที่เพิ่มขึ้นน่าจะทำให้ต้องลดพื้นที่ป่าฝนเขตร้อนลงเพื่อสร้างพื้นที่เพาะปลูกมากขึ้น

---

ติดตามเนื้อหาดีๆ น่าอ่านได้ที่ guillemet-plaquiste.com อัพเดตทุกสัปดาห์